อีลอน มัสก์ ชายผู้ถูกจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกทุ่มเงินสามพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อหุ้นทวิตเตอร์ 73,486,938 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน 9.2% กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทันที หลังเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งบ่นว่าอยากสร้างโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเอง
เมื่อ 25 มีนาคมที่ผ่านมาอีลอน มัสก์ได้ตั้งโพลสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “เสรีภาพในการพูดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อระบอบประชาธิปไตย คุณคิดว่าทวิตเตอร์ปฏิบัติตามหลักการนี้อย่างเคร่งครัดหรือไม่” หลังพบว่าพักหลัง Twitter มักเข้ามาสอดส่องและปิดกั้นเนื้อหาบางประการที่ทางบริษัทคิดว่าไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องการเมืองและสงครามที่กำลังปะทุในยูเครนขณะนี้ ผลคือโพลดังกล่าวปิดที่คนเห็นว่าทวิตเตอร์ทำดีแล้ว 29.6% แต่อีกฝ่ายที่มองว่าทวิตเตอร์ไม่ปฏิบัติตามหลักเสรีภาพในการพูดมีมากถึง 70.4% ทั้งนี้ มัสก์ระบุไว้ว่า “ผลที่ตามมาหลังโพลนี้สำคัญมาก ดังนั้นโปรดโหวตอย่างระมัดระวัง” และอีกสองวันถัดมาเขารีทวีตโพสต์ดังกล่าวและถามผู้ติดตามว่าเมื่อทวิตเตอร์ไม่ทำตามหลักเสรีภาพในการพูดซึ่งบ่อนทำลายประชาธิปไตย “เราจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มใหม่หรือไม่”
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนการสร้างโซเชียลมีเดียใหม่จะยังไม่ใช่ตัวเลือกในขณะนี้ของอีลอน มัสก์เพราะความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาคือการเข้าซื้อหุ้นทวิตเตอร์ด้วยสัดส่วน 9.2% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนหุ้นมากกว่าผู้ร่วมก่อตั้งนกฟ้าอย่างแจ็ค ดอร์ซีย์ที่ถืออยู่เพียง 2.25% ถึง 4 เท่า และหลังที่ตลาดทราบข่าวนี้ก็ดันราคาหุ้นทวิตเตอร์พุ่งขึ้น 26% ทันที ทำให้มูลค่าหุ้นของมัสก์ตอนนี้เพิ่มมูลค่าเป็น 3.6 พันล้านเหรียญไปแล้ว
เป็นที่น่าสงสัยว่าความเคลื่อนไหวถัดไปของมัสก์คืออะไร แล้วคุณล่ะเดาออกไหมว่ามหาเศรษฐี อัจฉริยะ เพลย์บอย แถมยังใจบุญรายนี้จะทำอะไรต่อเพื่อให้ได้โซเชียลมีเดียที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพในการพูดอย่างที่เขาต้องการ
Source: twitter.com, twitter.com, theguardian.com