ก่อนอื่นต้องขอบคุณ Fanslink อีกครั้งที่ส่งเกมมิ่งเกียร์มาให้เราทดลองใช้เป็นครั้งที่สองแล้ว คราวนี้ผู้เขียนได้แพ็คคู่คีย์บอร์ดพร้อมเมาส์แบรนด์ Machenike มารีวิวเช่นเคย ได้แก่ Mechanical Keyboard รุ่น K31 RGB [Black Switch] และ M610 Wired Gaming Mouse ซึ่งถ้าจะให้นิยามจุดเด่นที่ตราตรึงที่สุดหลังจับมันมาครึ่งเดือนคงจะต้องบอกว่านี่คือคีย์บอร์ดที่กดได้นิ่มพลิ้วไหวสบายนิ้ว เป็นเมาส์ที่เบาและลื่นมากกว่าทุกเมาส์ที่ผู้เขียนเคยจับ
Machenike K31 [Black Switch]
คีย์บอร์ดรุ่นนี้ให้ความรู้สึกถึกทนแข็งแรง มีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านดีไซน์ที่แอบดูเป็นทางการหรือวัสดุที่ราวอัดแน่นมาด้วยโลหะ อย่างไรก็ดียังไม่ทิ้งไฟ RGB อันเป็นแฟชันแต่ไหนแต่ไรของอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ แม้รุ่นนี้จะไม่มีซอฟต์แวร์ไว้ปรับแต่งลูกเล่นต่าง ๆ แต่ก็ยังสามารถปรับไฟ 16 รูปแบบผ่านการกดปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ตามปกติ (สลับรูปแบบได้ด้วยการกด Fn+ตัวเลข หรือเปลี่ยนโหมดไฟ (มี 2 โหมด) ได้ด้วยปุ่ม Fn+Ins) มาพร้อมปุ่มกดทั้งสิ้น 104 Keys จึงมีปุ่มตัวเลขแยกออกมาด้านขวาให้กดกันสบาย ๆ แต่ก็ต้องแลกด้วยน้ำหนักที่จัดมาให้ถึง 835 กรัม แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะนี่ไม่ใช่คีย์บอร์ดแบบพกพาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ข้อดีที่สุดของ K31 ก็คือปุ่มกดที่กดง่ายและไหลลื่นมาก ๆ แม้ทางแบรนด์จะจั่วหัวว่านี่เป็น Mechanical Keyboard แบบ Black Switch แต่จากการสัมผัสเอง เจ้านี่เหมาะจะเรียกว่า Blue Switch มากกว่าเพราะปุ่มกดมันเบามือมาก ๆ แทบไม่มีความตึงนิ้วจึงไม่เมื่อยในทุกสัมผัส เล่นเกมได้นาน พิมพ์งานได้ต่อเนื่อง แต่ก็แลกมาด้วยเสียงที่ดังแกร่ก ๆ เหมือนคลิกเมาส์ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันล้ำ ๆ ที่คีย์บอร์ดเล่นเกมทุกเครื่องควรมีคือระบบ Anti-Ghosting ช่วยให้สามารถกดหลายปุ่มพร้อมกัน ควบคุมเกมได้ประสิทธิภาพสูงสุด เดินตรงเฉียงขวา ออกสกิล กดฮีล ต่าง ๆ ไปได้ในทีเดียวเพราะทุกปุ่มของ K31 แยกการส่งสัญญาณกันหมดทั้ง 104 ปุ่ม และวัสดุของคีย์บอร์ดยังออกแบบมาป้องกันน้ำกระเซ็น รวมถึงยังป้องกันน้ำซึมลงไปถึงแผงเมนบอร์ดด้านล่างได้อีกด้วย เหมาะสำหรับเกมเมอร์นักกินมาม่าหน้าคอมฯ หรือคนที่ชอบเผลอทำน้ำเลอะใส่คีย์บอร์ดบ่อย ๆ แน่นอน
- Brand: Machenike
- Model: K31-B104 RGB Black Switch
- จำนวนปุ่ม: 104 Keys
- การเชื่อมต่อ: USB Type-A
- น้ำหนัก: 835g
Machenike M610 Wired Gaming Mouse
เมื่อได้ลองจับ M610 แม้แรกพบสบตาจะรู้สึกแปลกกับหน้าตาที่มั่นใจได้ว่าคนเป็น Trypophobia (โรคกลัวรู) คงหลอนแน่ ๆ อย่างไรก็ดี อาจเพราะด้วยดีไซน์แบบนี้จึงทำให้น้ำหนักของเมาส์เบาเพียง 60 กรัมเท่านั้น ซึ่งมันสบายมือมากเมื่อเทียบกับเมาส์เดิมที่ใช้อยู่ (อย่างกับก้อนเหล็กปะทะปุยนุ่นเลยทีเดียว) เรียกได้ว่านี่คือจุดขายที่เอาใจคนอยากได้เมาส์ที่จับกระชับมือแถมยังเบาสุด ๆ ได้แน่นอน ซึ่งนอกจากราคาเบากระเป๋า (หลักร้อย) เมาส์เบามือแล้ว ข้อดีมันไม่ได้มีแค่นี้
เพราะมาตรฐานอื่น ๆ ที่เกมมิ่งเกียร์ควรมีมันก็มาครบ ตั้งแต่สิ่งแรกที่หลายคนมักชี้เป้าคือจำนวน DPI (ความไว) ซึ่งเมาส์หลายรุ่นประกาศศักดาว่าข้าปรับได้ถึงหลักหมื่น อย่างไรก็ดีผู้เขียนกล้ายืนยันว่าส่วนใหญ่เราใช้อยู่กันที่หลักไม่กี่พันเท่านั้น ยกเว้นจอคอมฯ ใหญ่มากจริง ๆ ซึ่งเมาส์ตัวนี้สามารถปรับได้สูงสุดถึง 6400 DPI (ใช้ตลับเมตรวัดพบว่าแค่ขยับเมาส์ 1.5 เซนติเมตรเคอร์เซอร์ก็เลื่อนจากริมซ้ายไปขวาสุดจอ 24 นิ้วได้อย่างรวดเร็ว) จึงเพียงพอกับการใช้งานแล้ว อีกทั้งยังบันทึกโปรไฟล์ไว้ในซอฟต์แวร์ปรับแต่ง DPI ได้ตามที่ต้องการได้ถึง 6 Stage ปรับแต่งมาโครได้เหมือนเมาส์เล่นเกมทั่วไป อาจมีข้อไม่สะดวกเล็กน้อยตรงที่ปุ่มปรับ DPI กลางเมาส์มีปุ่มเดียวไม่สามารถกดขึ้นลงเพื่อเลือก DPI อันก่อนหน้ากับอันถัดไปได้อย่างรวดเร็ว (ต้องกดซ้ำเพื่อให้วนค่า DPI)
สามารถปรับแต่งไฟได้ 9 โหมด เลือกสีที่ต้องการได้ 16.8 ล้านสี หรือจะปิดไปเลยก็ได้ อายุการใช้งานคลิกได้กว่า 5 ล้านครั้ง สาย USB ยาวทั้งสิ้น 1.2 เมตร ออกแบบโครงสร้างตามหลักสรีระศาสตร์จึงจับสบายมือ และที่เห็นเป็นรู ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดไอร้อนของฮาร์ดแวร์ลอยมาแตะฝ่ามือเพราะจากการทดสอบแล้วมันไม่ได้รู้สึกร้อนไปกว่าเมาส์ทั่วไปเลย โดยรวมแล้วเป็นเมาส์อีกรุ่นที่ราคาประหยัดแต่น่าประทับใจไม่แพ้รุ่นแพง ๆ เว้นแต่ตรงดีไซน์ที่ส่วนตัวแล้วมองว่ามันออกจะแปลก รวมถึงน่าจะทำความสะอาดยากไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดีเห็นเป็นช่อง ๆ แบบนี้มันกันน้ำได้ด้วยนะเออ
- Brand: Machenike
- Model: M610 Wired Gaming Mouse
- จำนวนปุ่ม: 6 Keys
- การเชื่อมต่อ: USB Type-A
- DPI: ปรับได้สูงสุด 6400 DPI
- น้ำหนัก: 60g
Machenike Thailand Official Store: Lazada
Facebook Page: Machenike&Machcreator TH
Machenike Engine Software: machenike.com