Table of Contents
ประวัติ The Sims ไอเดียเริ่มต้นไม่ได้สวยงาม กลับเกิดจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่เผาบ้านผู้สร้างเกมจนเหลือแต่เถ้าถ่าน การหาที่อยู่และซื้อข้าวของเครื่องใช้ใหม่จุดประกายให้เขาอยากสร้างเกมนี้ แต่ปัญหาคือคอนเซ็ปต์ดันใหม่เกินไป ฝ่ายบริหารไม่เข้าใจว่าใครจะอยากเล่นบ้านตุ๊กตา ตราหน้าว่านี่คือเกมขัดห้องน้ำ และตามคาดเกมเปิดตัวเงียบสนิท แต่ทุกอย่างพลิกผันหันทุกสปอตไลท์ให้มาฉายที่ The Sims ได้ด้วยจูบเดียว
ก่อนจะมาเป็น The Sims
16 ปีก่อนกำเนิด The Sims วิลล์ ไรต์ (Will Wright) ผู้สร้างเกมนี้เคยทำเกม Raid on Bungeling Bay มาก่อน เป็นเกมขับเฮลิคอปเตอร์ไปยิงเรือรบ เครื่องบิน รถถัง ทำลายฐานที่ตั้งของศัตรูตามเกาะต่าง ๆ เกมประสบความสำเร็จอย่างมากและทำให้วิลล์รู้ตัวว่าเขาไม่ได้ชอบเกมแนวบู๊ล้างผลาญขนาดนั้น ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนุกกับการออกแบบฉาก ดีไซน์แผนที่ของเกมระหว่างการพัฒนา มันจุดประกายให้เขาคิดว่าคงจะดีหากมีเกมที่สามารถจำลองการออกแบบตึกรามบ้านช่อง สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยว หรือสร้างเมืองขึ้นมาทั้งเมือง เขาค่อย ๆ ตกผลึกความคิดทีละนิดจนสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นเกม SimCity
กำเนิดเกมสร้างเมือง SimCity
ปี 1985 วิลล์นำ SimCity หรือชื่อขณะนั้นคือ Micropolis ไปเสนอ Broderbund ผู้จัดจำหน่ายที่เคยวางขาย Raid on Bungeling Bay ให้เขา แต่ด้วยความใหม่ไม่มีระบบแพ้ชนะตีรันฟันแทงเหมือนกับเกมอื่น ๆ ในยุคนั้น ผู้จัดจำหน่ายไม่เอาด้วย โปรเจกต์จึงถูกชะลอออกไป แต่แล้ววันหนึ่งวิลล์ได้พบกับเจฟฟ์ เบราน์ (Jeff Braun) เพื่อนของเพื่อนในงานปาร์ตี้พิซซ่าที่อยากลองทำเกมตัวเองวางขายพอดี ทั้งคู่จับมือก่อตั้งบริษัท Maxis ขึ้นโดยตั้งใจจะใช้จัดจำหน่ายเกมของตัวเอง แต่พอ SimCity พัฒนามามาถึงขั้นสุดท้าย ทั้งสองได้กลับไปสะสางลิขสิทธิ์กับผู้จัดจำหน่ายรายเก่า เป็นตอนนั้นเองที่ผู้บริหารของ Broderbund เห็นว่าเกมมันสนุกชวนติดหนึบจึงตัดสินใจจะจัดจำหน่ายเกมนี้ แม้ทีแรกเกมจะขายไม่ดีนักแต่สักพักเมื่อสื่อหยิบไปรีวิว ผลลัพธ์คือยอดขายถล่มทลายเปิดศักราชใหม่ให้เกมแนวสร้างเมืองทันที!
เกมบ้านตุ๊กตา
หลังจาก SimCity ประสบความสำเร็จ Maxis ได้ลองทำเกมใหม่ ๆ ภายใต้ชื่อ Sim เช่น SimAnt, SimFarm, SimEarth, SimLife ฯลฯ รวมถึงทำภาคต่อ SimCity ด้วย เกมแนวอื่นก็พอมี เช่น RoboSport และ 3D Pinball เกมพินบอลสามัญประจำ Windows ที่คนอายุสามสิบขึ้นไปน่าจะคุ้นเคย อย่างไรก็ดี ไม่มีเกมไหนประสบความสำเร็จเท่า SimCity ภาคแรก ช่วงนั้นวิลล์เริ่มมีแนวคิดอยากสร้างเกมที่เขาตั้งชื่อว่าบ้านตุ๊กตา (Doll House) ลองเปลี่ยนจากการสร้างทั้งเมืองมาโฟกัสที่การสร้างบ้านเดี่ยวแทน
ไฟไหม้บ้าน Will Wright
20 ตุลาคม 1991 เกิดเหตุไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในโอ๊คแลนด์ กินพื้นที่กว่า 3,846 ไร่ ทำลายตึกรามบ้านช่องไปกว่า 3,000 หลัง และหนึ่งในนั้นคือบ้านของวิลล์ เขาหนีตายพาภรรยาและเพื่อนบ้านฝ่าเพลิงออกมาได้ หลังไฟมอดวิลล์กลับไปที่บ้านอีกครั้งเพื่อพบกับตอตะโก แต่น่าแปลกใจคือเขาไม่ได้รู้สึกเสียดายนัก สิ่งของต่าง ๆ ไม่ได้สลักสำคัญหากเทียบกับวันนี้ที่ทุกคนในครอบครัวยังอยู่รอดปลอดภัย
แนวคิดอยากสร้างเกมบ้านตุ๊กตาผุดกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาคิดว่าคงดีกว่าถ้ามันมีผู้คนข้างในด้วย จากเกมสร้างบ้านจึงขยายคอนเซ็ปต์ออกไปไกลขึ้น สามารถออกแบบสภาพแวดล้อม ใส่ระบบปฏิสัมพันธ์ จริงจังถึงขนาดอ้างอิงหลากทฤษฎีและหนังสืออีกหลายเล่ม เช่น A Pattern Language หนังสือสถาปัตย์ชื่อดังสุดคลาสสิก ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ และหนังสือ Maps of the mind ว่าด้วยวิธีการคิดและเข้าใจของมนุษย์เพื่อเอามาสร้างระบบ AI ให้ NPC สามารถตอบโต้กันเองแม้ผู้เล่นไม่ได้บังคับ
กำเนิด The Sims และเกมส้วม
วิลล์บรรจงสรรสร้างโลกของเขา ใส่ผู้คนและตั้งชื่อมันว่าซิมส์ ตั้งสกุลเงินซิมโมลิออน และเรียกชื่อเกมว่า The Sims แต่เมื่อเขานำเกมไปเสนอผู้บริหารจากเกมบ้านตุ๊กตามันก็ได้ชื่อใหม่ว่าเกมส้วม (The Toilet Game) เพราะฝ่ายบริหารไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องอยากขัดห้องน้ำในเกมด้วย และกังวลว่ามันจะขายไม่ได้เพราะเกมเมอร์ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และผู้ชายคนไหนจะมาอยากเล่นบ้านตุ๊กตา
EA เข้าซื้อกิจการ Maxis
หลังจากหลายเกมล้มเหลว บริษัทเริ่มมีแนวทางไม่ชัดเจนและสูญเงินทุนไปจำนวนมาก พวกเขาเริ่มพิจารณาข้อเสนอขอซื้อบริษัทและดีลก็จบลงที่ Electronic Arts (EA) ตัดสินใจซื้อ Maxis ด้วยมูลค่า 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปในปี 1997 และก็เป็น EA นี่เองที่อนุมัติโปรเจกต์ The Sims ของวิลล์โดยให้เงินทุนสนับสนุนเล็กน้อย และที่สุดก็เกมก็พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1999
จูบเปลี่ยนชีวิต
ในช่วงการพัฒนาระบบออกเดตและการแต่งงาน มีการถกเถียงภายในทีมว่า The Sims ควรใส่ระบบรักเพศเดียวกันเข้ามาไหม แต่ในยุคนั้น LGBTQ+ ยังไม่ถูกยอมรับอย่างกว้างขวาง ทีมงานส่วนหนึ่งจึงกังวลว่าถ้าใส่เข้ามานักการเมืองรวมถึงองค์กรต่าง ๆ จะพากันรุมทึ้ง Maxis ได้ จึงสรุปว่าจะเอาระบบนี้ออกไป แต่แล้วชะตากรรมก็ช่างเป็นใจ แพทริคโปรแกรมเมอร์คนใหม่ถูกจ้างมาดูแลระบบปฏิสัมพันธ์ในเกมหลังจากนั้น เขาไม่ได้รับรายงานการประชุมจึงลงมือเขียนโค้ดโดยอิงกฎเดิมที่วางไว้ และหนึ่งในงานที่เขาได้รับมอบหมายคือการเตรียมเดโมสำหรับงานเปิดตัวเกม ทุกอย่างเตรียมการเป็นอย่างดี ฉากที่เอามาสาธิตก็ดูไปได้สวย แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทมากนักแต่เกมก็ได้ไปออกบูธ ณ งาน E3 ในที่สุด
The Sims เปิดตัวอย่างเงียบเหงาในงาน E3 ปี 1999 ด้วยบูธเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีใครเดินเข้ามาดู ราวกับฟ้าหมายจะประทานใบสั่งให้ EA พับโปรเจกต์เลิกวางขายทั้งที่เกมใกล้เสร็จเต็มที แต่ทุกสิ่งก็พลิกผันเพราะจู่ ๆ AI ในเดโมฉากแต่งงานดันบันดาลให้ตัวละครหญิงสองคนหันมาจูบกัน! คนทั้งงานช็อคและสายตาทั้งหมดก็จับจ้องมายังเกม The Sims ทันที ข่าวขยายวงกว้างจนที่สุดก็รู้กันทั้งอุตสาหกรรมเกม The Sims วางขายในปีถัดมา วิลล์เชื่อว่าเกมน่าจะขายได้สักล้านก๊อปปี้ หรืออีกใจก็คิดว่าสัก 50 ก๊อปปี้ก็ดีแล้วเพราะไม่มั่นใจว่าเกมเมอร์จะชอบมันไหม แต่ผลออกมาคือเกมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำยอด 16 ล้านชุดอย่างรวดเร็ว ทุบสถิติเกม PC ขายดีที่สุดในรอบ 4 ปีแรกที่เกมวางจำหน่าย และเปิดประตูเกมแนวจำลองการใช้ชีวิตที่ไม่เคยมีใครคิดจะสร้างมาก่อนสำเร็จ!
อ้างอิง: gamespot, fandom, fandom, wikipedia, berkeleyside, mentalfloss