นักรบคีย์บอร์ดผุดกระแสคว่ำบาตรเกม Genshin Impact จุดไฟแฮชแท็ก #BOYCOTTGENSHIN ท่วมท้นทวิตภพ (Twitter) อ้างเกมนี้เหยียดชาติพันธุ์, สนับสนุนโรคใคร่เด็ก, ตัวละครสีผิวไม่หลากหลาย ฯลฯ ลั่น! ไม่ได้เรียกร้องเพื่อให้เกมปิดตัวลง แต่ทำไปเพื่อให้เกมมันดีขึ้นต่างหาก
Genshin Impact เกมกระแสดีไม่มีแผ่ว ผ่านทั้งคำก่นด่าและสรรเสริญมากมายตลอด 6 เดือนนับแต่เปิดตัว เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่าเกมมีคนให้ความสนใจหรืออาจจะพออนุมานได้ว่ายังมีผู้เล่นที่ทำนาเกลืออยู่ในเกมนี้ไม่น้อยไปกว่าจำนวนดราม่าที่ทีมพัฒนาต้องเผชิญแน่ ๆ
ล่าสุด เหล่าผู้เล่นผุดแคมเปญโจมตี miHoYo ผู้พัฒนาเกมด้วยหลากหลายข้อกล่าวหา อาทิ
1.เกมนี้สนับสนุนโรคใคร่เด็ก
2.ตัวละครในเกมไม่มีความหลากหลายด้านสีผิว
3.เหยียดหยามกลุ่มชาติพันธุ์โดยนำชนพื้นเมืองอเมริกัน (อินเดียนแดง) มาเป็นต้นแบบมอนสเตอร์ Hilichurls ภายในเกม
4.ผู้พัฒนาไม่เอาใจใส่ด้านความปลอดภัยของบัญชี โดยเฉพาะไม่มีระบบยืนยันตัวสองชั้น (Two-Factor Authentication)
5.เกมออกเนื้อหาใหม่ ๆ น้อยลง
แต่ดูเหมือนเป้าหลักที่นักรบคีย์บอร์ดชี้ดาบไปจะอยู่ที่ประเด็นสนับสนุนโรคใคร่เด็กกับการนำอินเดียนแดงมาเป็นต้นแบบของ Hilichurls มากที่สุด โดยประเด็นแรกมีที่มาจากบทสนทนาระหว่างตัวผู้เล่นกับ NPC (non-playable character) ชื่อ Ulfr ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร (รูปซ้าย) เมื่อเราไปสนทนาเขาจะพรรณนาความรักที่มีต่อสาวชื่อ Flora อย่างไรก็ดี Flora ที่พูดถึงนี่เป็นเพียงตัวละครเด็กสาวรุ่นราวคราวเด็กประถมเท่านั้น (รูปขวา) จึงเกิดประเด็นถกเถียงว่า miHoYo กำลังสนันสนุนการใคร่เด็กอยู่หรือไม่ ส่วนอีกกรณีนั้น มีผู้เล่นขุดไปเจอฉากสั้น ๆ ไม่กี่วินาทีในคลิปเต็มเบื้องหลังการทำงานของนักพัฒนา พบว่าทีมกราฟฟิกใช้ชาวอินเดียนแดงเป็นต้นแบบมอนสเตอร์ Hilichurls จึงกล่าวหาว่านี่คือการฉกฉวยวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ และแบ่งแยกความต่างโดยผลักให้อินเดียนแดงกลายเป็นตัวร้ายในเกม
เมื่อตรวจสอบด้วย hashtagify พบว่าต้นตอของกระแสเรียกร้องมาจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ในอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ด้วยตัวเลขสูงถึง 41.67% บ้างเห็นด้วยว่าผู้พัฒนาควรออกมาขอโทษและปรับปรุงเกม บางคนถึงขั้นรวบรวมอีเมลจำนวนมากของบริษัทมาเปิดเผยและรณรงค์ให้สแปมข้อความไปยัง miHoYo แต่ก็มีผู้เล่นส่วนหนึ่งออกมาแก้ต่างว่าแท้จริงแล้วตัวละคร Flora แค่มีรูปร่างเด็กกว่าอายุเพราะบริบทในเกมเธอเป็นถึงเจ้าของร้านดอกไม้แล้ว อีกทั้งยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่แม้ตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ เช่น Ella Musk ก็เป็นถึงพี่สาวของ Dr. Edith ตัวละครที่ดูโตแล้วเช่นกัน ส่วนกรณี Hilichurls แม้จะถูกมองเป็นตัวร้ายภายใน Genshin Impact แต่หากเล่นเกมไปถึงช่วงหนึ่งจะพบว่านี่ก็แค่ตัวละครชนเผ่านึงที่พูดคนละภาษากับมนุษย์จึงไม่เข้าใจกันเท่านั้น ทั้งนี้ Ella Musk ก็เป็นหนึ่งใน NPC ที่พยายามศึกษาภาษา Hilichurls และพิสูจน์ได้แล้วว่าเมื่อสื่อสารกันได้ ตัวละครที่ดูร้ายก็กลับกลายเป็นมิตร อีกทั้งปกติมอนสเตอร์เหล่านี้มักจะล้อมวงทำอาหาร บ้างก็เต้นรำ ใช้ชีวิตทั่วไป เพียงแต่เมื่อเราซึ่งเป็นคนนอกเข้าไปใกล้เขาก็ต้องระแวงและป้องกันตัว ดังนั้น ชนเผ่าจึงไม่ใช่ตัวร้าย นี่จึงไม่ใช่การเหยียดหยามอินเดียนแดงเลยสักนิด
ผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่กับกระแสบอยคอตข้อใดในครั้งนี้