เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ได้มีข้อความถึงบุคลากรทุกคนของบริษัทว่าพวกเขาจะปลดคนอีก 13 % นั่นหมายความว่ามีพนักงานกว่า 11,000 ที่จะต้องตกงานไป โดยการปลดครั้งนี้จะเกิดขึ้นในหลายแผนกทั่วทั้งบริษัท ซึ่งหนึ่งในแผนกที่จะถูกลดคนคือทีมพัฒนา VR และ AR
“ในช่วงที่เราทำการปรับลดขนาดองค์กรลงในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะฝั่ง Family of Apps (ฝั่งที่ดูแลแอปทุกอย่างของ Facebook) และ Reality Labs บางทีมพัฒนาอาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าทีมอื่น ๆ การสรรหาบุคลากรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดมากเพราะเราจะจ้างคนน้อยลงในปีหน้า นอกจากนี้ เราจะทำการปรับโครงสร้างทีมธุรกิจของเราให้มีความยั่งยืนมากขึ้นอีกด้วย” Mark Zuckerberg กล่าว
มาร์คออกมายอมรับว่าบริษัทต้องมาตกในสภาพนี้เกิดจากการคาดการณ์ที่บกพร่องของเขาเอง ที่คิดว่าความคึกคักที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นอิทธิพลของ Covid-19 จะยังคงอยู่ต่อไปหลังโลกกลับสู่ปกติ ด้วยเหตุนี้พี่แกก็เลยนำเงินไปถลุงกับการลงทุนอย่างเต็มที่ แต่ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้ามกับที่ใครหลายคนคิด เพราะนอกจากอัตราการใช้ e-commerce จะร่วงลงมาเท่ากับตอนที่การระบาดยังไม่เกิด แต่เศรษฐกิจตกต่ำกว่าก่อนที่โรคระบาดจะมาเสียอีก นี่ยังไม่รวมถึงการที่ Meta เริ่มรั้งท้ายคู่แข่งในตลาดด้วย
“ในช่วงที่ Covid เริ่มแพร่ระบาด โลกเราเริ่มเบนเข้าหาการออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ e-commerce เติบโตอย่างมหาศาล ผู้คนมากมายคาดการณ์ว่าการการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะเป็นสิ่งที่คงอยู่ต่อไปแม้สถานการณ์ระบาดจะจบลง ผมก็เป็นหนี่งในคนที่คิดแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มมากมาย แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ออกมาเป็นแบบที่ผมคาดหวังไว้ ผมผิดเอง และผมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น” Mark Zuckerberg กล่าว
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Meta มีรายได้ปีนี้น้อยลง 4% ซึ่งตรงข้ามกับรายจ่ายและต้นทุนที่กลับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการลงทุนในด้าน VR/AR กับ Metaverse ที่ต้องผลาญเงินไปเป็นพันล้านเหรียญต่อเดือน แม้จะเป็นเช่นนั้นดูเหมือนว่าทาง Meta ก็ยังไม่คิดจะทิ้งความฝันเรื่องโลกเสมือนอยู่ดี หลังจากนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของ Meta แล้วล่ะครับ แม้พนักงานจะถูกปลดแล้ว แต่ความหัวจะปวดมากมายก็ยังคงอยู่ สู้ต่อไปนะมาร์ค!
Source: pcgamer.com, flickr.com