เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุผู้ใช้งาน OpenSea จำนวนหนึ่งถูกมิจฉาชีพขโมย NFT ไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายโดยประมาณเกิน 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว
อ้างอิงจากสื่อ The Verge เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 17.00 น. – 20.00 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาสหรัฐฯ โดยมีบัญชีผู้ใช้งาน OpenSea ทั้งสิ้น 17 รายถูกขโมย NFT ของพวกเขาไป ผู้ใช้กลุ่มนี้สูญเสีย NFT ไปมากถึง 254 ชิ้น ปัจจุบันทางทีม OpenSea ยังคงสืบประเด็นดังกล่าวอยู่และปฏิเสธว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบกพร่องของตัวแพลตฟอร์มเอง แต่คนร้ายน่าจะใช้วิธีฟิชชิ่ง (Phishing) มากกว่า
Phishing คืออาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบหนึ่ง โดยหลอกลวงเหยื่อให้มอบข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมให้กับตนเอง โดยอาจจะมาในรูปแบบการปลอมหน้าเว็บ บัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหลาย หรืออีเมลให้เหมือนกับว่าเป็นขององค์กรหรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร บริษัทขนส่ง และผู้ให้บริการออนไลน์ต่าง ๆ ที่เหยื่ออาจจะใช้บริการด้วยอยู่
ไม่กี่วันนี้มีผู้ใช้บางรายออกมาเสริมว่า ผู้ร้ายน่าจะใช้ช่องโหว่ของ Wyvern Protocol หลอกให้ผู้ใช้ทั้งหลายเซ็นสัญญา และใช้ลายเซ็นดังกล่าวในการถ่ายโอน NFT ของเป้าหมายมาที่ตนทำให้ผู้ร้ายได้ NFT มาฟรี ๆ โดยปริยาย แม้จะยังมีคำถามมากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งที่มาของการ phishing ดังกล่าวมาจากไหน? ผู้ร้ายหลอกให้ผู้ใช้ทั้งหลายมอบลายเซ็นให้ได้อย่างไร? NFT ที่ถูกเอาไปทั้งหมดมีมูลค่ารวมเท่าใด? และปัจจุบันมันถูกขายต่อไปกี่ชิ้นกันแน่? อย่างไรก็ตาม คุณ Devin Finzer ผู้ก่อตั้ง OpenSea ได้ออกมาเผยบนบัญชี Twitter ของเขาว่า พิจารณาจากยอด ETH ใน Wallet ของผู้ต้องหาปัจจุบัน มิจฉาชีพดังกล่าวทำเงินจากอาชญากรรมไซเบอร์ครั้งนี้ไปถึง 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว (ประมาณ 55 ล้านบาท)
เรื่องน่ารู้ เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับซื้อขาย NFT สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งโดย Devin Finzer และ Alex Atallah ในปี 2017 ด้วยอานิสงส์ Blockchain และ NFT ที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัท OpenSea มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 2021 สู่ 13.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีต่อมา
Source: pcgamer.com, twitter.com, twitter.com