ประวัติ PlayStaion โดยย่อ
บิดาแห่ง PlayStation
ข้ามเวลาไปกลางยุค 80 เคน คูตารากิ (Ken Kutaragi) วิศวกร Sony เริ่มสนใจในวิดีโอเกมหลังจากเห็นลูกสาวนั่งเล่นเกมจากเครื่องแฟมิคอม เธอจุดประกายให้เคนเห็นว่าการเล่นเกมน่าจะได้รับความนิยมอย่างมากในอนาคต ช่วงนั้น Nintendo ต้องการอัปเกรดเครื่องเกมอยู่พอดี เคนสบโอกาสจึงเสนอตัวให้ปู่นินนำชิปเสียง SPC700 ที่เขาพัฒนาขึ้นไปใช้ ซึ่งภายหลังมันช่วยยกระดับคุณภาพเสียงเครื่องเกมรุ่นถัดไปอย่างซูเปอร์แฟมิคอม (SNES) ไปอีกขั้น การตัดสินใจของเคนเกือบทำให้เขาถูกไล่ออกเพราะถือเป็นการแอบรับงานลับหลัง และ Sony วางตนเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับสูง ผู้บริหารมองว่าการข้องเกี่ยวกับของเด็กเล่นอย่างวิดีโอเกมอาจทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสียได้
แต่โนริโอะ โอกะ (Norio Ohga) ประธาน Sony ขณะนั้นเห็นต่าง และยื่นมือมาช่วยอนุมัติโปรเจกต์ให้กับเคน เกิดเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของ Nintendo และ Sony อย่างเป็นทางการ
เครื่อง Nintendo PlayStation
แม้การร่วมมือครั้งนั้นจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ Sony ก็ยังคงมีทัศนคติเป็นลบต่ออุตสาหกรรมเกม มองเป็นเพียงความนิยมฉาบฉวยที่ไม่น่าลงทุน แต่ไม่ใช่กับเคนที่ประหนึ่งเลือดในกายได้สูบฉีดด้วยวิดีโอเกมเสียแล้ว ช่วงปีนั้นเทคโนโลยีแผ่น CD-ROM เริ่มคืบคลาน แม้จะไม่ได้รับความนิยมนัก แต่เคนมองเห็นว่านี่คืออนาคตใหม่ของวงการเกม เพราะแผ่น CD มันมีความจุมากกว่าตลับเกมแบบเดิมหลายเท่า นั่นแปลว่านักพัฒนาจะสามารถอัปเกรดกราฟิกและคุณภาพเกมให้สูงขึ้นได้อีกหลายขุม


เคนขออนุมัติจากประธานโนริโอะเจ้าเก่า แล้วเอาไอเดียเรื่องสร้างเครื่องเกมแบบแผ่น CD ไปเสนอ Nintendo อย่างไรก็ดี ปู่นินไม่เอาด้วยเพราะมองว่าแผ่น CD มันช้า ผู้เล่นต้องรอโหลดตั้ง 10-15 วินาทีกว่าจะเข้าเกมได้และยืนยันจะใช้ตลับเกมต่อไป แต่ยินยอมให้ Sony ทำอุปกรณ์เสริมสำหรับอ่านแผ่น CD กับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอมได้ เคนจึงเร่งพัฒนาเครื่องเกมต้นแบบที่สามารถอ่านได้ทั้งตลับเกมและแผ่น CD พร้อมตั้งชื่อมันว่า PlayStation
ชนวนเหตุแตกหัก
ข่าวการจับมือของผู้นำวงการเกมอย่าง Nintendo และผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Sony เป็นข่าวไปทั่วโลก แต่ทุกอย่างก็จบไม่สวยเพราะ Nintendo เริ่มกังวลว่าตนกำลังเสียผลประโยชน์ เพราะในสัญญาพาร์ทเนอร์ระบุว่า Sony จะมีสิทธิ์ในการผลิตและขายซอฟต์แวร์ CD-ROM ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่ Nintendo ยังคงมีสิทธิ์ 100% ในเกมและตลับเกมของตนเอง แม้ Sony จะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่ได้สนใจจะทำวิดีโอเกม แต่ตั้งใจจะผลิตซอฟต์แวร์ด้านอื่น ๆ เช่น สารานุกรมความรู้, คาราโอเกะหรือพวกสื่อบันเทิงภายในบ้านเท่านั้น อย่างไรก็ดี Nintendo กังวลว่า Sony อาจพัฒนาเกมของตนเองขึ้นและยืมใช้แพลตฟอร์มของเขา โดยที่ Nintendo จะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลย
การหักหลังครั้งประวัติศาสตร์
ปี 1991 ณ งาน Consumer Electronics Show (CES) ขณะทั้งอุตสาหกรรมกำลังจับจ้องความร่วมมือครั้งนี้ Sony ขึ้นเวทีประกาศว่าพวกเขากำลังจับมือกับ Nintendo เพื่อออกเครื่องเกม PlayStation แต่แทนที่ Nintendo จะประกาศสิ่งเดียวกันในวันถัดมา พวกเขากลับบอกออกสื่อไปทั่วโลกว่ากำลังจับมือกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ร่วมกันพัฒนาเครื่องเกมแบบแผ่น CD อยู่จริง ๆ แต่พาร์ทเนอร์ไม่ใช่ Sony กลับเป็น Philips ที่ทั้งคู่ไปแอบดีลกันลับหลัง อย่างไรก็ดี มีการเปิดเผยในภายหลังว่า Sony อาจรู้เรื่องการล้มดีลครั้งนี้มาก่อน เพราะสองวันก่อนงาน CES หนังสือพิมพ์ a Seattle Times ได้เผยแพร่ข่าวการจับมือระหว่าง Nintendo และ Philips จึงคาดว่าที่ Sony ยังขึ้นไปประกาศการจับมือกับ Nintendo บนเวทีอยู่ดี ก็เพียงเพราะหวังว่าปู่จะยอมเปลี่ยนใจไม่ปล่อยมือกัน
เปลี่ยนความแค้นเป็นนวัตกรรม
เคนโกรธ Nintendo มาก และวิธีที่เขาเลือกจะดับไฟแค้นก็คือการพาทีมงานเข้าพบประธานโนริโอะ พร้อมโน้มน้าวว่าบริษัทควรตอบโต้ Nintendo ด้วยการทำเครื่องเกมคอนโซลของตัวเอง และแน่นอนประธานที่อยู่ฝั่งเขามาตลอดก็อนุมัติโปรเจกต์นี้ทันที จนได้ออกมาเป็นเครื่องเกมระบบ 32 บิต ใช้แผ่นเกมเป็น CD-ROM ที่จะมาพร้อมกราฟิก 3 มิติและเสียงอันทรงพลัง
PlayStation เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 1994 และในอเมริกาเมื่อปี 1995 จากนั้นมันก็พลิกโลกการเล่นเกมไปตลอดกาล เกิดตำนานที่หลายคนลืมไม่ลงอย่าง Final Fantasy VII, Metal Gear Solid และ Crash Bandicoot ฯลฯ โดยในปี 2005 PlayStation ก็ได้จารึกประวัติศาสตร์ว่าเป็นเกมคอนโซลรุ่นแรกที่ทำยอดขายได้ถึง 100 ล้านเครื่องสำเร็จ มีแบรนด์อันแข็งแกร่งขึ้นมาทัดเทียม Nintendo ได้อย่างยิ่งใหญ่จวบจนทุกวันนี้





